“บิ๊กต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บอสใหญ่ เลสเตอร์ สุดแฮปปี้ หลังจากที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม พร้อมชมเป็นโค้ชที่ทั้งเก่งและมีประสบการณ์
คุณ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เผยว่า ตนมีความรู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้ รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ หลังจากที่มีการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ฟาน นิสเตลรอย วัย 48 ปี จรดปากกาเซ็นสัญญาคุมทีมในถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2027 โดยเจ้าตัวจะเข้ามาสานงานต่อจาก สตีฟ คูเปอร์ ที่ถูกปลดพ้นตำแหน่งกุนซือ เลสเตอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับ รุด สู่ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาได้เข้ามาอยู่กับสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีแฟนบอลที่หลงใหลในสโมสร และมีกลุ่มนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ เราทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลงานของเขาในบทบาทใหม่นี้”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประสบการณ์, ความรู้ และความมุ่งมั่นในชัยชนะของ รุด จะมีคุณค่าอย่างมากสำหรับเรา เราพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเขาในการบรรลุความสำเร็จ เพื่อแฟนๆ ของเรา และสโมสรของเรา” คุณ อัยยวัฒน์ กล่าว
ประวัติ
รุด ฟาน นิสเตลรอย (Ruud van Nistelrooy) เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลและมีชื่อเสียงในทั้งลีกใหญ่ของยุโรป เช่น พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ), ลาลีกา (สเปน) และการเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เขาโดดเด่นด้วยการจบสกอร์ที่เฉียบขาด การเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษที่ชาญฉลาด และมีสัญชาตญาณในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่หลายคนยกย่องอย่างสูง
ชีวิตช่วงแรกและการเริ่มต้นในอาชีพฟุตบอล
รุด ฟาน นิสเตลรอยเกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1976 ในเมืองเกนต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีความรักในฟุตบอลและเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของสโมสร สปาร์ต้า โรเทอร์ดัม (Sparta Rotterdam) ในวัย 10 ขวบ
ในวัย 16 ปี เขาได้เข้าร่วมกับทีมเยาวชนของ เฮราเคิลส์ อัลมีโร (Heerenveen) และเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลที่จริงจังเมื่อได้เล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสรเฮราเคิลส์ในปี 1994 แม้ในช่วงแรกของอาชีพ เขาจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่ด้วยความสามารถในการทำประตูที่โดดเด่น ทำให้ฟาน นิสเตลรอยได้รับการจับตามองจากทีมใหญ่ในเนเธอร์แลนด์
การย้ายไป PSV ไอนด์โฮเฟ่น
ในปี 1998 เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ PSV ไอนด์โฮเฟ่น ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับความสนใจจากทั่วโลก ฟาน นิสเตลรอยโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในลีก และภายในเวลาไม่นาน เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรป
ในฤดูกาล 2000–2001 ฟาน นิสเตลรอยทำประตูได้มากมายในเกมลีกและช่วยให้ PSV ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์ลีกเนเธอร์แลนด์ได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังทำผลงานได้ดีในฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยเฉพาะในปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาแสดงความสามารถในการทำประตูในเวทียุโรปที่มีชื่อเสียง
การย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2001–2006)
ในปี 2001 ฟาน นิสเตลรอยได้ย้ายไปยัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วยค่าตัวประมาณ 19 ล้านปอนด์ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นค่าตัวที่สูงมาก การย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำให้ฟาน นิสเตลรอยได้ร่วมงานกับนักเตะระดับโลก เช่น ไรอัน กิ๊กส์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และพอล สโคลส์ ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ฟาน นิสเตลรอยประสบความสำเร็จทันทีในพรีเมียร์ลีก โดยทำประตูได้มากมายในฤดูกาลแรกของเขา และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในลีก เขาคว้ารางวัล ดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2002–2003 ด้วยการทำประตูได้ 25 ประตูในลีกเดียว
นอกจากนี้ เขายังช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2002–2003 และได้รับ รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสร ในปี 2003 จากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในหลายฤดูกาล
ความสำเร็จในระดับยุโรปกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฟาน นิสเตลรอยมีบทบาทสำคัญในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แม้ว่าทีมจะไม่ได้คว้าแชมป์ แต่เขาก็ยังทำผลงานได้ดีในการทำประตูและช่วยให้ทีมเดินหน้าไปถึงรอบลึกๆ หลายครั้ง ในช่วงปี 2003-2004 ฟาน นิสเตลรอยยังเป็นส่วนสำคัญของทีมที่คว้า เอฟเอ คัพ และ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่การทำประตูในระดับยุโรปไม่ค่อยสำเร็จ แต่ฟาน นิสเตลรอยก็ยังคงเป็นตัวอันตรายที่คู่แข่งต้องระวังอยู่เสมอ
การย้ายไป เรอัล มาดริด (2006–2010)
ในปี 2006 ฟาน นิสเตลรอยได้ย้ายไปยัง เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ในลาลีกา สเปน ด้วยค่าตัวประมาณ 10 ล้านยูโร หลังจากที่เขาไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นตัวหลักในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน การย้ายไปเรอัล มาดริดทำให้ฟาน นิสเตลรอยได้ร่วมเล่นกับนักเตะระดับโลกอีกมากมาย เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เซร์คิโอ รามอส และซามูเอล เอโต้
ฟาน นิสเตลรอยประสบความสำเร็จใน ลาลีกา โดยช่วยให้เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ลีกได้ในฤดูกาล 2006–2007 และยังช่วยให้ทีมคว้า ซูเปอร์โคปา เด เอสปันญา 1 สมัยในปี 2008 ฟาน นิสเตลรอยยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีและทำประตูอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันต่างๆ
การเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ฟาน นิสเตลรอยเริ่มเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 1998 และมีบทบาทสำคัญในหลายทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เช่น ฟุตบอลโลก 2006 และ ยูโร 2004 แม้ว่าทีมชาติเนเธอร์แลนด์จะไม่สามารถคว้าแชมป์ใหญ่ๆ ได้ แต่ฟาน นิสเตลรอยยังคงเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีความสำคัญในทีมชาติ
ฟาน นิสเตลรอยมีประตูที่สำคัญในทัวร์นาเมนต์ใหญ่และช่วยให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ผ่านรอบคัดเลือกและเข้าไปเล่นในรอบลึกๆ ของการแข่งขันต่างๆ
ช่วงสุดท้ายของอาชีพ
หลังจากที่เล่นให้กับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2010 ฟาน นิสเตลรอยได้ย้ายไปเล่นในลีกเยอรมันกับ ฮัมบูร์ก โดยเขาเล่นให้กับทีมในช่วง 2 ฤดูกาลสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอล ก่อนที่เขาจะประกาศเลิกเล่นในปี 2012 หลังจากที่ไม่สามารถกลับมาเล่นในระดับสูงได้เหมือนเดิม
สไตล์การเล่นและคุณสมบัติ
ฟาน นิสเตลรอยมีความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในการเล่นในกรอบเขตโทษ เขามีความสามารถในการจบสกอร์ด้วยทั้งเท้าซ้ายและขวา และยังเป็นผู้เล่นที่มีความเข้าใจในเกมสูง เขาเก่งในการหาช่องว่างในแนวรับของคู่แข่งและทำให้เกิดโอกาสในการทำประตู
ฟาน นิสเตลรอยมีการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมในกรอบเขตโทษ และมักจะหาจังหวะในการทำประตูได้ในสถานการณ์ที่คับขันที่สุด
สถิติและเกียรติยศ
- พรีเมียร์ลีก: 1 สมัย (2002–2003)
- เอฟเอ คัพ: 1 สมัย (2004)
- ลาลีกา: 1 สมัย (2006–2007)
- ซูเปอร์โคปา เด เอสปันญา: 1 สมัย (2008)
- ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ: 1 สมัย (2008)
- ฟุตบอลโลก: เข้ารอบรองชนะเลิศ (2006)
ฟาน นิสเตลรอยถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุคของเขา และยังเป็นตำนานของทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเรอัล มาดริด
รับชม ข่าวบอล ประวัตินักเตะ และวิเคราะห์บอลได้ที่ ดูบอลสด และกีฬาอื่นๆ เดิมพันได้ที่ : UFA879
แหล่งที่มา
https://hunter85s.co/home
https://928plus2.com/
